วันอังคารที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2551

จันทนาใบเล็ก


จันทนาใบเล็ก
ชื่อพื้นเมือง เข็มป่า (นราธิวาส) ยาโรง (มลายู-นราธิวาส)
ชื่อวิทยาศาสตร์ Tarenna wallichii
ชื่อวงศ์ RUBIACEAE
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ลำต้น เป็นไม้พุ่ม สูง 2-5 เมตร กิ่งอ่อนเป็นเหลี่ยมสี่มุม มีขนสั้น เมื่อแห้งสีน้ำตาล
แดง
ใบ เดี่ยว เรียงตรงข้ามกัน แผ่นใบรูปรีแกมรูปขอบขนาน ยาว 6-15 ซม. กว้าง
3-7 ซม. ผิวใบเกลี้ยงทั้งสองด้าน ใบแห้งด้านบนสีน้ำตาลคล้ำแกมเขียว
ด้านล่างสีน้ำตาลแดง ปลายเป็นติ่งแหลมถึงเรียวแหลม โคนใบสอบ เส้น
แขนงใบ 8-10 คู่ ก้านใบยาว 1-2 ซม. หูใบรูปสมเหลี่ยมฐานแคบ ปลาย
เรียวแหลม ยาว 0.5-1 ซม.
ดอก 5 กลีบ สีขาวนวล โคนกลีบเชื่อมติดกันเป็นกรวย ออกเป็นช่อกระจะแยก
แขนงตามปลายกิ่ง ยาว 3-4 ซม.
ผล แก่สีแดง รูปกลมรี เส้นผ่าศูนย์กลาง 5-8 มม. มี 1-2 เมล็ด
ลักษณะทางนิเวศวิทยา
ขึ้นในที่ลุ่มตายชายน้ำและขอบพรุ มีเขตการกระจายพันธุ์ทางภาคใต้ของ
ประเทศไทยในต่างประเทศพบที่ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ออกดอก ระหว่าง
เดือนเกือบตลอดปี

จุกโรหินี



จุกโรหินี
ชื่อพื้นเมือง โกฐพุงปลา (กลาง) กล้วยไม้ (เหนือ) เถาพุงปลา (ระนอง ตะวันออก) นม
ตำไร (เขมร) บวบลม (นครราศรีมา อุบลราชธานี)
ชื่อวิทยาศาสตร์ Dischidia rafflesiana
ชื่อวงศ์ ASCLEPIADACEAE
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ลำต้น เป็นไม้เถาเลื้อยเกาะพันต้นไม้อื่น มีรากตามลำต้น ส่วนต่างๆ ของเถามียางสี
ขาวเหมือนน้ำนม
ใบ เดี่ยว เรียงตรงข้ามกัน แผ่นใบหนา อวบน้ำ รูปค่อนข้างกลม เส้นผ่าศูนย์
กลาง 1-2 ซม. ผิวใบเกลี้ยงทั้งสองด้าน เนื่องจากถูกมดเจาะเข้าอาศัย ทำให้มี
ลักษณะโป่งเป็น ถุง ยาว 5-10 ซม. กว้าง 3-5 ซม. ก้านใบสั้น
ดอก ดอกเล็ก รูปโคม สีเขียวแกมเหลือง ออกเป็นกระจุกหรือเป็นช่อสั้นๆ ตาม
ง่ามใบ
ผล ฝักเรียว ยาว 5-7.5 ซม. กว้าง 3-5 มม. เมล็ดเล็ก แบน มีขนเป็นพู่ที่ปลาย
ลักษณะทางนิเวศวิทยา
ขึ้นในป่าทั่วๆ ไป มีเขตการกระจายพันธุ์ทั่วทุกภาคของประเทศไทย ใน
ต่างประเทศพบที่ ลาว เวียดนาม มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ออกดอก
ระหว่าง เดือน มีนาคม- พฤษภาคม

จั๋งไทย

จั๋งไทย
ชื่ออื่นๆ จั๋งใต้
ชื่อวิทยาศาสตร์ Rhapis subtilis
ชื่อวงศ์ PALMAE
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
เป็นปาล์มแตกกอ คล้ายคลึงกับจั๋งจีน
ลำต้น มีขนาดเล็กกว่าจั๋งจีน คือ 1-2 เซนติเมตร และสูงเพียง 2 เมตร ถ้าต้นเล็กและสูงมากขึ้นแล้วลำต้นจะทอดเอียง มีแผ่นใยบางๆคลุมลำต้นสีน้ำตาล ขนาดของลำต้น ใบ และจำนวนใบย่อยมีความหลากหลาย
ใบ แผ่นใบเล็กและมีจักใบย่อยเพียง 6-12 ใบ จักเว้าลึกถึงสะดือ
ดอก -
ผล -
ลักษณะทางนิเวศวิทยา
พื้นที่ที่พบ มีถิ่นกำเนิดในภาคใต้ของไทย, มาเลเซีย

ไกรทอง

ไกรทอง

ชื่อพื้นเมือง แก่นแดง เข็ดมูล เจตมูล (ปจ) ต๋านฮ้วนเป็ด (ชม) พิกุลทอง (ปข)
ชื่อวิทยาศาสตร์ Erythroxylum cumeatum ( Miq.)
ชื่อวงศ์ ERYTHROXYLACEAE
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ลำต้น ไม้พุ่มถึงไม้ยืนต้นขนดใหญ่ สูงถึง 8-40 เมตร
ใบ เดี่ยว เรียงสลับ รูปไข่กลับ รูปรี หรือรูปขอบขนาน กว้าง 2-3 ซม. ยาว 5-11
ซม. มีหูใบ
ดอก ดอกช่อ ออกเป็นกระจุกที่ซอกใบ กลีบดอกสีขาว เขียวอ่อนหรือเขียวแกม
เหลือง
ผล
ผลสด รูปไข่แกมรูปขอบขนาน เมื่อสุกสีแดงสด
ลักษณะทางนิเวศวิทยา

ทุ้งฟ้า

ทุ้งฟ้า
ชื่อพื้นเมือง กระทุ้งฟ้า พวมพร้าว (ใต้ ปัตตานี) ทุ้งฟ้าไก่ (ชุมพร) ตีนเทียน (สงขลา)
ชื่อวิทยาศาสตร์ Alstonia macrophylla
ชื่อวงศ์ APOCYNACEAE
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ลำต้น เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ สูงประมาณ 15-25 เมตร ไม่ผลัด
ใบ ลำต้นเปลา ตรงกิ่งใหญ่ฉากกับลำต้นเป็นวงรอบ เรือนยอดรูปไข่แกม
รูปกรวยแหลม ค่อนข้างโปร่ง เปลือกสีขาวอมเทา มีรูระบายอากาศทั่วไป
เรียบ สับดูจะมียางสี ขาวเหนียวๆ ซึมออกม
า โคนต้นเป็นพูพอน
ใบ ใบเดี่ยว รูปไข่แกมรูปหอกกลับ เรียงเวียนกันเป็นวงกลมตามปลาบๆ กิ่ง
ท้องใบเป็นคราบสีขาว หลังใบสีเขียว เส้นแขนงใบถี่และเป็นเส้นตรง
ดอก สีขาวออกเป็นช่อ ตามง่ามใบ ตอนปลายๆ กิ่ง
ผล เป็นฝัก เรียวยาว มีเป็นคู่ๆ พอแก่จะแตกและบิดเป็นเกลียว ปล่อยให้เมล็ด
ที่มีพู่สีขาวปลิวไปตามลม
ลักษณะทางนิเวศวิทยา
ขึ้นประปรายอยู่ในป่าดงดิบ และบนพื้นที่ป่าที่เคยถูกแผ้วถางมาก่อน ทาง
ภาคใต้

หลุมพี

หลุมพี
ชื่ออื่นๆ -
ชื่อวิทยาศาสตร์ Eleiodoxa conferta
ชื่อวงศ์ PALMAE
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ป็นปาล์มแตกกอขึ้นแช่น้ำในป่าพรุ
ใบ ใบแบบขนนก ทางใบยาว 3-6 เมตร กาบใบและก้านใบมีหนามยาวแหลมเรียงเป็นแผง
ดอก ช่อดอกสีน้ำตาล ออกระหว่างกาบใบ ยาว 1 เมตร

ผล ผลรูปไข่กลับ กว้าง 2.5 เซนติเมตร ผลแก่สีน้ำตาล เปลือกเป็นเกล็ดเล็กๆเรียงเกยซ้อนกัน
ลักษณะทางนิเวศวิทยา
พื้นที่ที่พบ มีถิ่นกำเนิดในไทย มาเลเซีย

ชมพูน้ำ

ชมพู่น้ำ

ชื่อพื้นเมือง ชมพู่ค่าง ( ตรัง ) หว้าปลอก ( นครราชศรีมา )
ชื่อวิทยาศาสตร์ Syzygium siamensis Craib
ชื่อวงศ์ MYRTACEAE
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ลำต้น เป็นไม้ต้น สูงถึง 15 ม. เปลือกเรียบ บางครั้งแตกเป็นสะเก็ด สีน้ำตาลอ่อน
หรือน้ำ ตาลแดง
ใบ ใบเดี่ยว เรียงตรงข้าม แผ่นใบรูปใบหอก หรือรูปใบหอกแกมขอบขนาน
กว้าง2.7 - 8 ซม. ยาว 9 - 27 ซม. ปลายใบแหลมถึงเรียวแหลม โคนใบมน
เว้าเข้าเป็นรูป หัวใจ หรือบางครั้งสอบแคบเป็นรูปลิ่ม เส้นแขนงใบ 7 - 14
คู่ ก้านใบยาว 0.3 - 0.8 ซม. .
ดอก ดอกสีแดงแกมม่วง ออกเป็นช่อกระจะที่ปลายกิ่งหรือง่ามใบ
ผล ผลกลม หรือรูปไข่ สีเขียว ถึงสีม่วง ปลายผลเป็นกลีบ ซึ่งพัฒนามาจากกลีบ
เลี้ยง
ลักษณะทางนิเวศวิทยา
กระจายพันธุ์ตามริมห้วย ในป่าดิบแล้งในป่าดิบแล้ง ทางภาคเหนือ ภาค
ตะวันออกเฉียงเหนือ และภาค ตะวันออกเฉียงใต้ ที่ความสูงจากน้ำทะเล
ปาน กลาง 50 - 200 ม.